
แต่หลายคนก็ยังขอดค่อนว่า “นี่ก็ยังไม่ใช่บลูแท้
ดูมันจะออกไปทางม่วงเสียซะมาก” แต่ผู้บริหารซันตอรี
ก็เชื่อว่ามันใกล้เป้าหมายที่สุดแล้ว
สีที่เปลี่ยนแปลงไปในกลีบกุหลาบนั้นเป็นผลมาจากการถ่ายยีนซึ่งพบในแอฟริกัน
ไวโอเล็ต ซึ่งควบคุมการสร้างเม็ดสีน้ำเงิน ซึ่งเราเรียกว่าเดลฟินิดีน
(Delphinidin)
ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงหาทางทำให้ยีนของกุหลาบซึ่งปกติจะสร้างเม็ดสีแดง
และส้มเปลี่ยนแปลงไป ในปี พ.ศ. 2539
ฟลอริยีนทำพันธุวิศวกรรมเปลี่ยนแปลงยีนของไม้ตัดดอกไปแล้ว
ระยะแรกเขาทำคาร์เนชั่นสีม่วงอ่อนที่เรียกกันว่า มูนดัสท์ (Moondust)
ออกมาจวบจนปัจจุบัน เขาผลิตคาร์เนชั่นจำนวนกว่า 75
ล้านดอกได้ส่งขายกระจายไปทั่วโลก บริษัทฟลอริยีนพัฒนางานต่อไปอีก
โดยได้ส่งสายพันธุ์ไม้ตัดดอกจีเอ็มเหล่านี้กว่า 2 โหลออกทดสอบในแปลงปลูก
หลังจากที่ได้รับอนุมัติแล้ว โดยมี ต้นแววมยุรา (Torinia) สีเหลือง
ซึ่งหายากมากในเมืองไทยแม้ในพ.ศ.นี้ 

วิธีใช้ยีนเทคโนโลยีดังกล่าวกำลังทำให้ได้ลักษณะใหม่ๆ เช่น
-กลิ่นหอมแนวใหม่ นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งฟลอริดากำลังทดลองเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของกุหลาบหลายกลิ่น ซึ่งเคยสูญหายไปในระหว่างกระบวนการผสมพันธุ์แบบปกติ
-การยืดอายุการบานดอกระหว่างการปักแจกัน นักวิจัยที่
มหาวิทยาลัยฮานโนเวอร์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
กำลังพัฒนาวิธีการที่จะทำให้ยืดอายุการบาน หรือลดความเหี่ยวของดอกบลูเบลส์
(Bulebells) พันธุ์เฟลมมิ่ง เคชีส์ และแคนเตอเบอรี่อยู่
-ปรับปรุงความต้านทาน สำหรับดอกพิทูเนียและพอยเซตเตีย
(คริสต์มาส) โดยให้ทนทานต่ออากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง
ซึ่งผลทำให้ได้พิทูเนียที่ทนอุณหภูมิ -6
องศาเซลเซียสได้โดยไม่เกิดความเสียหาย
แต่ยังไม่อาจผลิตพันธุ์สู่ตลาดได้จนกว่าจะถึงพ.ศ. 2554
สำหรับผู้ที่เป็นลูกค้าดอกไม้ของอียูคงจะพอใจ
และคลายความหวาดหวั่นลงได้บ้างเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องติดป้ายเตือนให้เห็น
อย่างชัดเจน เช่น ในกรณีของคาร์เนชั่นพันธุ์ มูนไลท์ (Moonlite) ว่า
“ผลิตภัณฑ์นี้เป็นคาร์เนชั่นที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงยีน” และ
“ไม่เหมาะแก่การนำไปให้มนุษย์หรือสัตว์บริโภค”
ความหมายของมันคือ
การปฏิเสธ การบอกลา หรือการไม่สมหวัง
การปฏิเสธ การบอกลา หรือการไม่สมหวัง
เพราะตามตำนาน....มีดังนี้......
นานมาแล้วมีชายหญิงคู่หนึ่ง ทั้งสองรักกันมาก และก็กำลังจะแต่งงานกัน
แต่ก่อนที่จะแต่งงาน ฝ่ายชายสัญญาว่า จะสร้างดอกกุหลาบที่มีสีน้ำเงินขึ้นมา
ด้วยเหตุผลที่ว่าหญิงที่เค้ารักชอบดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่สุด
เค้าทั้งสองสัญญากันว่าเมื่อเค้าได้สร้างกุกลาบสีน้ำเงินได้เมื่อไหร่
เค้าจะขอเธอแต่งงานอีกครั้งและจะมอบกุหลาบสีน้ำเงินเป็นของขวัญวันแต่งงาน
ลองทายสิฝ่ายชายทำได้รึเปล่า??
คำตอบคือ แน่นอน ทำไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่มีความหมายแบบนี้หรอก - -*!!!
แล้วเวลาก็ผ่านมาเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี
ที่หญิงสาวรอคอยคนรัก แต่การรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อการสร้างกุหลาบนั่นไม่สำเร็จ
(ในสมัยนั้น)
แล้วคุณรู้มั้ยหญิงสาวผู้นั้นรอคอยชายที่ตนรัก และตายไปอย่างโดดเดี่ยวในที่สุด
ส่วนชายผู้นั้นเมื่อรู้ว่าหญิงที่เค้ารักตายไป เค้าก็ตรอมใจและก็ตายตามหญิงคนรักไป
จนผู้คนให้นิยามกับดอกกุหลาบสีน้ำเงินว่า
"การรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด"
อีกหนึ่งความหมายก็คือ
" ความรักที่ไม่สมหวัง"
ความหมายเดิม =เป็นไปไม่ได้ (ก่อนนี้ไม่มีอยู่จริงตามธรรมชาติ) เป็นการปฏิเสธอย่างรุนแรง
ความหมายใหม่ = ดอกไม้แห่งความสมหวัง ดอกไม้นำความสุข เช่นเดียวกับ
"นกสีน้ำเงิน" (หลังผลิตได้จากการพัฒนาทางวิศวพันธุกรรม)
กุหลาบพันธ์ใหม่.. "สีน้ำเงิน" ตัดต่อพัธุกรรมสำเร็จแล้ว
บริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้ใช้เทคนิคตัดต่อพันธุกรรม
สร้างกุหลาบสีน้ำเงินเป็นผลสำเร็จ ในปีหน้าจะเริ่มมีขายทั่วไป
เอกชนรายนี้ก็คือซันทอรี ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ โฆษกของบริษัทบอกว่า
เอกชนรายนี้ก็คือซันทอรี ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ โฆษกของบริษัทบอกว่า
ทางบริษัทคาดว่าจะขายกุหลาบน้ำเงินได้ปีละหลายหมื่นดอก
โฆษก คาซูมาซา นิชิซากิ บอกว่าราคาของมันจะค่อนข้างแพง ฉะนั้นทางบริษัทจะจับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการซื้อเป็นของขวัญ แต่จะขายราคาเท่าไหร่
โฆษก คาซูมาซา นิชิซากิ บอกว่าราคาของมันจะค่อนข้างแพง ฉะนั้นทางบริษัทจะจับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการซื้อเป็นของขวัญ แต่จะขายราคาเท่าไหร่
และจะมีชื่อการค้าว่าอย่างไร ทางบริษัทยังไม่ได้กำหนด
ซันทอรี ยังได้ไปทดลองปลูกกุหลาบน้ำเงินนี้ในออสเตรเลียและสหรัฐด้วย
เพื่อขออนุญาตออกวางจำหน่ายในอนาคต แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัวในประเทศทั้งสอง
ซันทอรี ยังได้ไปทดลองปลูกกุหลาบน้ำเงินนี้ในออสเตรเลียและสหรัฐด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น